สมุนไพรรักษาโรคเบาหวาน
*-* ในผลหว้าจะประกอบด้วย น้ำตาล วิตามินซี มีแคลเซียม(สูง) และเหล็ก ส่วนในเมล็ดหว้าจะมีสารอัลคาลอยด์ น้ำมันหอมระเหย ฟอสฟอรัส และแคลเซียม มีสรรพคุณและวิธีใช้ คือ เปลือกและใบหว้า ใช้ทำยาอม ยากวาดคอ แก้ปากเปื่อย ลิ้นและคอมีเม็ด ส่วนสรรพคุณรักษาเบาหวาน ท่านให้เอาเมล็ดสดของหว้า จำนวน 30 – 40 เมล็ดมาตำให้แตก แล้วนำไปต้มกับน้ำสะอาดประมาณ 2 ถ้วยแก้ว อีก 5 นาทีต่อมาก็ยกลง ใช้ดื่มหรือจิบได้วันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น
ประโยชน์และสรรพคุณ เปลือกต้มน้ำดื่มแก้บิด อมแก้ปากเปื่อย เนื้อไม้ใช้ทำสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในร่ม ผล ผลดิบแก้ท้องเสีย ผลสุกรับประทานได้ ใช้ทำเครื่องดื่ม เมล็ด ลดน้ำตาลในเลือด แก้ท้องเสีย ถอนพิษ จากเมล็ดแสลงใจ เปลือกและใบ แก้บิด ชะล้างบาดแผล รักษาแผลในปาก ผล รับประทานได้แก้ท้องร่วง แก้บิด ขับปัสสาวะ รักษาโรคเบาหวาน
*-* ตำลึงเป็นพืชผักสวนครัว อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์สูง เช่น สารเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง และหัวใจขาดเลือด มีแคลเซียมช่วยบำรุงกระดูก และฟัน และยังมีฟอสฟอรัส เหล็ก ไนอาซิน วิตามินซีและอื่น ๆ นอกจากนี้ จากการค้นคว้าของสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า ตำลึงมีเส้นใยอาหารที่สามารถช่วยลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ในกระเพาะอาหาร อีกด้วย สำหรับตำรายาแผนโบราณ ตำลึงถือเป็นยาเย็น ใบช่วยขับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้อาการแพ้ อักเสบ แมลงมีพิษกัดต่อย แก้แสบคัน เจ็บตา ตาแดงและตาแฉะ แก้โรคผิวหนัง และลดน้ำตาลในเลือด
สำหรับสรรพคุณรักษาโรคเบาหวาน ท่านให้เถาตำลึงแบบแก่มาต้มกับน้ำ ใช้ดื่มหรือจิบได้วันละ 3 เวลา เช้า – กลางวัน – เย็น
*-*สรรพคุณทางยา : ใบ มีรสเย็น ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้แสบคัน แก้เจ็ยตา ตาแดง แก้ตัวร้อน นำมาทาถอนพิษของตำแย แก้โรคผิวหนัง ลดน้ำตาลในเลือด ตำลึงมีเส้นใยที่จับไนไตรท ได้ดี ช่วยป้องกันโรคมะเร็งและโรคหัวใจขาดเลือด นอกจากนี้ใบตำลึงยังมีมากในตำลึงช่วยบำรุงสายตา ดอก มีรสเย็น แก้คัน เมล็ด ตำผสมกับน้ำมะพร้าวทาแก้หิด
คุณค่าอาหาร : ตำลึง 100 กรัม ให้พลังงาน 35 กิโลแคลอรี ประกอบด้วยแคลเซียม 126 มิลลิกรัม เหล็ก 4.6 มิลลิกรัม วิตามินบี1 0.17 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.13 มิลลิกรัม เบต้า-แคโรทีน 699.88ไมโครกรัม เส้นใย 2.2 กรัม
*-* มะแว้งเครือมีสรรพคุณในตำรายาไทย คือ ใช้ผลสดแก้ไอ ขับเสมหะ ใช้ขนาด 4-10 ผล โขลกหรือตำพอแหลก คั้นเอาน้ำ ใส่เกลือเล็กน้อย จิบบ่อยๆ หรือเคี้ยวกลืนเฉพาะน้ำจนหมดรสขม ผลสดมะแว้งเครือใช้ขับปัสสาวะ แก้ไข้ และเป็นยาขมเจริญอาหารด้วย
สรรพคุณทางยาและวิธีใช้ : แก้อาการไอ และมีเสมหะ และ เจริญอาหาร : นำผลแก่ 5-10 ผล โขลกพอแหลก คั้นเอาแต่น้ำผสมเกลือเล็กน้อย จิบบ่อย ๆ หรือใช้ผลสดเคี้ยวกลืนทั้งเนื้อและน้ำจนกว่าอาการจะดีขึ้น
สรรพคุณของ มะแว้งต้น : ผล ใช้แก้ไอขับบเสมหะ รักษาเบาหวาน ขับปัสสาวะ พบสเตอรอยด์ปริมาณค่อนข้างสูง จึงไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน มะแว้งต้นเป็นส่วนผสมหลักในยาประสะมะแว้ง ซึ่งองค์การเภสัชกรรมผลิตขึ้นตามตำรับยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ
ส่วนสรรพคุณรักษาโรคเบาหวาน ท่านให้เอาผลสุกเต็มที่ ของมะแว้งเครือและมะแว้งต้น จำนวน 2 กำมือ มาล้างให้สะอาด แล้วใช้กินสด ๆ โดยจิ้มกับน้ำพริกต่าง ๆ กินได้วันละ 1 ครั้ง ทุก ๆ วัน
*-* เตยหอม สรรพคุณรักษาโรคเบาหวาน ท่านให้เอารากของเตยหอม 2 กำมือ มาต้มกับน้ำสะอาด ดื่มได้วันละ 2 เวลา เช้า – เย็น
สรรพคุณ : ใช้บำรุงหัวใจ และสามารถทำให้ชุ่มคอและอาการกระหายน้ำ โดยให้นำสมุนไพรใบเตยสดมาล้างให้สะอาด แล้วนำมาตำหรือปั่นให้ละเอียด เติมน้ำเล็กน้อยคั้นเอาแต่น้ำดื่ม และถ้าหากต้องการรสชาติที่ดีขึ้นสามารถผสมน้ำตาลเล็กน้อยได้ ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ และสามารถรักษาโรคเบาหวาน โดยให้นำรากสมุนไพรเตยหอมไปต้มน้ำดื่ม รักษาโรคผิวหนัง โดยให้นำใบสมุนไพรเตยหอมมาตำพอกบริเวณที่เป็น นำไปผสมอาหาร และสามารถใช้ดับกลิ่นได้อย่างดี
*- มะระ สำหรับสรรพคุณในการรักษาโรคเบาหวาน ท่านให้เอาผลมะระทั้งผล มาหั่น ล้างน้ำให้สะอาดแล้วนำไปตากแห้ง จากนั้นนำมาชงกับน้ำต้มสุกหรือผสมใบชาเล็กน้อยใช้จิบหรือดื่มได้ทุกวันเช่นเดียวกับชา สรรพคุณและวิธีใช้ ใบ ต้มดื่ม แก้ไข้หวัด บำรุงน้ำดี ดับพิษฝี แก้ปากเปื่อย แก้ตับม้ามพิการ แก้อักเสบ ฟกช้ำบวม ใช้ทาภายนอก แก้ผิวแห้ง ลดอาการระคายเคือง อักเสบ ผลสุก มีซาโปนิน ไม่ควรกิน จะทำให้คลื่นไส้อาเจียนได้ โดยรวมมะระ มีสรรพคุณเป็นยารสเย็น บรรเทาอาการร้อนใน แก้อักเสบ เจ็บคอ สำหรับคนที่เป็นงูสวัด คั้นน้ำมะระผสมน้ำส้มสายชูทาบริเวณที่เป็นอาการจะดีขึ้น ถ้ากินป็นระยะเวลานานอย่างต่อเนื่องจะสามารถลดอาการเบาหวานได้ เมล็ดรสขมจัด ขับพยาธิตัวกลม รากก็ขมให้ต้มดื่ม แก้ไข้ รักษาโรคริดสีดวงทวาร
วิธีการลดความขมให้นำไปแช่น้ำเกลือประมาณ 15-30 นาที หรือนำไปเคล้ากับเกลือ ทิ้งไว้ 10-20 นาที แล้วบีบน้ำให้แห้ง ลวกกับน้ำเดือด หรือต้มในน้ำเดือดพล่าน ปิดฝาให้สนิท ให้เดือดสัก 10 นาทีค่อยเปิดฝาหม้อ แต่ทั้งนี้การต้มนานๆ จะทำให้วิตามินซีลดลงไปด้วย การศึกษาพบว่าน้ำคั้นจากผลมะระมีผลทำให้น้ำตาลในเลือดลดลง ถามว่าน้ำมะระต้มเป็นยาระบายหรือไม คำตอบจาก ดร.ฉัตรชัย อธิบายว่ามะระมีฤทธิ์เป็นยาระบาย แต่ถึงขั้นช่วยควบคุมน้ำหนักได้ ยังไม่มีงานวิจัยยืนยัน งานวิจัยที่มีอยู่ในปัจจุบันสรุปตรงกันเพียงว่ามะระทั้ง 2 ชนิดเป็นสมุนไพรช่วยเจริญอาหาร
ผู้ที่แพ้รสขมของมะระ ให้นำมาหั่นเป็นชิ้นแช่น้ำเกลือ จะช่วยกำจัดรสขมได้
อาหารที่ห้ามรับประทาน
น้ำตาลทุกชนิดรวมทั้งน้ำผึ้ง น้ำตาลจากผลไม้
ขนมหวานและขนมเชื่อมต่าง ๆ เช่น ทองหยิบ ฝอยทอง ขนมชั้น สังขยา ลอดช่อง ฯลฯ
ผลไม้กวน เช่น มะม่วงกวน ทุเรียนกวน สับปะรดกวน ฯลฯ
น้ำหวานต่าง ๆ น้ำผลไม้ ยกเว้น น้ำมะเขือเทศ นมรสหวานรวมทั้งน้ำอัดลมและ
เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล เช่น ชา กาแฟ (ถ้าดื่มกาแฟควรดื่มกาแฟดำไม่ควรใส่น้ำตาล นมข้นหวาน หรือครีมเทียม แต่สามารถใช้น้ำตาลเทียมได้บ้าง)
ผลไม้ที่มีรสหวานจัด เช่น ทุเรียน องุ่น ลำใย มะม่วงสุก ขนุน ละมุด น้อยหน่า ลิ้นจี่ อ้อย สับปะรด ผลไม้แช่อิ่ม หรือ เชื่อมน้ำตาล
ของขบเคี้ยวทอดกรอบ และอาหารชุบแป้งทอดต่างๆ เช่น ปาท่องโก๋ กล้วยแขก ข้าวเม่าทอด
คำเตือน
สมุนไพรที่ใช้บรรเทาโรคเบาหวานนี้ เมื่อดื่มเป็นประจำแล้วต้องควบคุมอาหารไปด้วย อีกทั้งต้องคอยสังเกตว่า หากน้ำตาลลดลงเร็วฉับพลันจนเกิดอาการหน้ามืดใจสั่นเป็นลม ให้รีบกินน้ำหวานหรือผลไม้หวาน ๆ ทันที แล้วสให้หยุดการดื่มหรือกินยาที่ใช้เป็นประขณะนั้น แต่หากใช้ยาสมุนไพรเหล่านี้เป็นประจำจนน้ำตาลในเลือดลดลงเป็นปกติแล้ว ก็หยุดการใช้สมุนไพรเหล่านี้ได้... ลุงหมอ?
*-* ในผลหว้าจะประกอบด้วย น้ำตาล วิตามินซี มีแคลเซียม(สูง) และเหล็ก ส่วนในเมล็ดหว้าจะมีสารอัลคาลอยด์ น้ำมันหอมระเหย ฟอสฟอรัส และแคลเซียม มีสรรพคุณและวิธีใช้ คือ เปลือกและใบหว้า ใช้ทำยาอม ยากวาดคอ แก้ปากเปื่อย ลิ้นและคอมีเม็ด ส่วนสรรพคุณรักษาเบาหวาน ท่านให้เอาเมล็ดสดของหว้า จำนวน 30 – 40 เมล็ดมาตำให้แตก แล้วนำไปต้มกับน้ำสะอาดประมาณ 2 ถ้วยแก้ว อีก 5 นาทีต่อมาก็ยกลง ใช้ดื่มหรือจิบได้วันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น
ประโยชน์และสรรพคุณ เปลือกต้มน้ำดื่มแก้บิด อมแก้ปากเปื่อย เนื้อไม้ใช้ทำสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในร่ม ผล ผลดิบแก้ท้องเสีย ผลสุกรับประทานได้ ใช้ทำเครื่องดื่ม เมล็ด ลดน้ำตาลในเลือด แก้ท้องเสีย ถอนพิษ จากเมล็ดแสลงใจ เปลือกและใบ แก้บิด ชะล้างบาดแผล รักษาแผลในปาก ผล รับประทานได้แก้ท้องร่วง แก้บิด ขับปัสสาวะ รักษาโรคเบาหวาน
*-* ตำลึงเป็นพืชผักสวนครัว อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์สูง เช่น สารเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง และหัวใจขาดเลือด มีแคลเซียมช่วยบำรุงกระดูก และฟัน และยังมีฟอสฟอรัส เหล็ก ไนอาซิน วิตามินซีและอื่น ๆ นอกจากนี้ จากการค้นคว้าของสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า ตำลึงมีเส้นใยอาหารที่สามารถช่วยลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ในกระเพาะอาหาร อีกด้วย สำหรับตำรายาแผนโบราณ ตำลึงถือเป็นยาเย็น ใบช่วยขับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้อาการแพ้ อักเสบ แมลงมีพิษกัดต่อย แก้แสบคัน เจ็บตา ตาแดงและตาแฉะ แก้โรคผิวหนัง และลดน้ำตาลในเลือด
สำหรับสรรพคุณรักษาโรคเบาหวาน ท่านให้เถาตำลึงแบบแก่มาต้มกับน้ำ ใช้ดื่มหรือจิบได้วันละ 3 เวลา เช้า – กลางวัน – เย็น
*-*สรรพคุณทางยา : ใบ มีรสเย็น ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้แสบคัน แก้เจ็ยตา ตาแดง แก้ตัวร้อน นำมาทาถอนพิษของตำแย แก้โรคผิวหนัง ลดน้ำตาลในเลือด ตำลึงมีเส้นใยที่จับไนไตรท ได้ดี ช่วยป้องกันโรคมะเร็งและโรคหัวใจขาดเลือด นอกจากนี้ใบตำลึงยังมีมากในตำลึงช่วยบำรุงสายตา ดอก มีรสเย็น แก้คัน เมล็ด ตำผสมกับน้ำมะพร้าวทาแก้หิด
คุณค่าอาหาร : ตำลึง 100 กรัม ให้พลังงาน 35 กิโลแคลอรี ประกอบด้วยแคลเซียม 126 มิลลิกรัม เหล็ก 4.6 มิลลิกรัม วิตามินบี1 0.17 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.13 มิลลิกรัม เบต้า-แคโรทีน 699.88ไมโครกรัม เส้นใย 2.2 กรัม
*-* มะแว้งเครือมีสรรพคุณในตำรายาไทย คือ ใช้ผลสดแก้ไอ ขับเสมหะ ใช้ขนาด 4-10 ผล โขลกหรือตำพอแหลก คั้นเอาน้ำ ใส่เกลือเล็กน้อย จิบบ่อยๆ หรือเคี้ยวกลืนเฉพาะน้ำจนหมดรสขม ผลสดมะแว้งเครือใช้ขับปัสสาวะ แก้ไข้ และเป็นยาขมเจริญอาหารด้วย
สรรพคุณทางยาและวิธีใช้ : แก้อาการไอ และมีเสมหะ และ เจริญอาหาร : นำผลแก่ 5-10 ผล โขลกพอแหลก คั้นเอาแต่น้ำผสมเกลือเล็กน้อย จิบบ่อย ๆ หรือใช้ผลสดเคี้ยวกลืนทั้งเนื้อและน้ำจนกว่าอาการจะดีขึ้น
สรรพคุณของ มะแว้งต้น : ผล ใช้แก้ไอขับบเสมหะ รักษาเบาหวาน ขับปัสสาวะ พบสเตอรอยด์ปริมาณค่อนข้างสูง จึงไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน มะแว้งต้นเป็นส่วนผสมหลักในยาประสะมะแว้ง ซึ่งองค์การเภสัชกรรมผลิตขึ้นตามตำรับยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ
ส่วนสรรพคุณรักษาโรคเบาหวาน ท่านให้เอาผลสุกเต็มที่ ของมะแว้งเครือและมะแว้งต้น จำนวน 2 กำมือ มาล้างให้สะอาด แล้วใช้กินสด ๆ โดยจิ้มกับน้ำพริกต่าง ๆ กินได้วันละ 1 ครั้ง ทุก ๆ วัน
*-* เตยหอม สรรพคุณรักษาโรคเบาหวาน ท่านให้เอารากของเตยหอม 2 กำมือ มาต้มกับน้ำสะอาด ดื่มได้วันละ 2 เวลา เช้า – เย็น
สรรพคุณ : ใช้บำรุงหัวใจ และสามารถทำให้ชุ่มคอและอาการกระหายน้ำ โดยให้นำสมุนไพรใบเตยสดมาล้างให้สะอาด แล้วนำมาตำหรือปั่นให้ละเอียด เติมน้ำเล็กน้อยคั้นเอาแต่น้ำดื่ม และถ้าหากต้องการรสชาติที่ดีขึ้นสามารถผสมน้ำตาลเล็กน้อยได้ ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ และสามารถรักษาโรคเบาหวาน โดยให้นำรากสมุนไพรเตยหอมไปต้มน้ำดื่ม รักษาโรคผิวหนัง โดยให้นำใบสมุนไพรเตยหอมมาตำพอกบริเวณที่เป็น นำไปผสมอาหาร และสามารถใช้ดับกลิ่นได้อย่างดี
*- มะระ สำหรับสรรพคุณในการรักษาโรคเบาหวาน ท่านให้เอาผลมะระทั้งผล มาหั่น ล้างน้ำให้สะอาดแล้วนำไปตากแห้ง จากนั้นนำมาชงกับน้ำต้มสุกหรือผสมใบชาเล็กน้อยใช้จิบหรือดื่มได้ทุกวันเช่นเดียวกับชา สรรพคุณและวิธีใช้ ใบ ต้มดื่ม แก้ไข้หวัด บำรุงน้ำดี ดับพิษฝี แก้ปากเปื่อย แก้ตับม้ามพิการ แก้อักเสบ ฟกช้ำบวม ใช้ทาภายนอก แก้ผิวแห้ง ลดอาการระคายเคือง อักเสบ ผลสุก มีซาโปนิน ไม่ควรกิน จะทำให้คลื่นไส้อาเจียนได้ โดยรวมมะระ มีสรรพคุณเป็นยารสเย็น บรรเทาอาการร้อนใน แก้อักเสบ เจ็บคอ สำหรับคนที่เป็นงูสวัด คั้นน้ำมะระผสมน้ำส้มสายชูทาบริเวณที่เป็นอาการจะดีขึ้น ถ้ากินป็นระยะเวลานานอย่างต่อเนื่องจะสามารถลดอาการเบาหวานได้ เมล็ดรสขมจัด ขับพยาธิตัวกลม รากก็ขมให้ต้มดื่ม แก้ไข้ รักษาโรคริดสีดวงทวาร
วิธีการลดความขมให้นำไปแช่น้ำเกลือประมาณ 15-30 นาที หรือนำไปเคล้ากับเกลือ ทิ้งไว้ 10-20 นาที แล้วบีบน้ำให้แห้ง ลวกกับน้ำเดือด หรือต้มในน้ำเดือดพล่าน ปิดฝาให้สนิท ให้เดือดสัก 10 นาทีค่อยเปิดฝาหม้อ แต่ทั้งนี้การต้มนานๆ จะทำให้วิตามินซีลดลงไปด้วย การศึกษาพบว่าน้ำคั้นจากผลมะระมีผลทำให้น้ำตาลในเลือดลดลง ถามว่าน้ำมะระต้มเป็นยาระบายหรือไม คำตอบจาก ดร.ฉัตรชัย อธิบายว่ามะระมีฤทธิ์เป็นยาระบาย แต่ถึงขั้นช่วยควบคุมน้ำหนักได้ ยังไม่มีงานวิจัยยืนยัน งานวิจัยที่มีอยู่ในปัจจุบันสรุปตรงกันเพียงว่ามะระทั้ง 2 ชนิดเป็นสมุนไพรช่วยเจริญอาหาร
ผู้ที่แพ้รสขมของมะระ ให้นำมาหั่นเป็นชิ้นแช่น้ำเกลือ จะช่วยกำจัดรสขมได้
อาหารที่ห้ามรับประทาน
น้ำตาลทุกชนิดรวมทั้งน้ำผึ้ง น้ำตาลจากผลไม้
ขนมหวานและขนมเชื่อมต่าง ๆ เช่น ทองหยิบ ฝอยทอง ขนมชั้น สังขยา ลอดช่อง ฯลฯ
ผลไม้กวน เช่น มะม่วงกวน ทุเรียนกวน สับปะรดกวน ฯลฯ
น้ำหวานต่าง ๆ น้ำผลไม้ ยกเว้น น้ำมะเขือเทศ นมรสหวานรวมทั้งน้ำอัดลมและ
เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล เช่น ชา กาแฟ (ถ้าดื่มกาแฟควรดื่มกาแฟดำไม่ควรใส่น้ำตาล นมข้นหวาน หรือครีมเทียม แต่สามารถใช้น้ำตาลเทียมได้บ้าง)
ผลไม้ที่มีรสหวานจัด เช่น ทุเรียน องุ่น ลำใย มะม่วงสุก ขนุน ละมุด น้อยหน่า ลิ้นจี่ อ้อย สับปะรด ผลไม้แช่อิ่ม หรือ เชื่อมน้ำตาล
ของขบเคี้ยวทอดกรอบ และอาหารชุบแป้งทอดต่างๆ เช่น ปาท่องโก๋ กล้วยแขก ข้าวเม่าทอด
คำเตือน
สมุนไพรที่ใช้บรรเทาโรคเบาหวานนี้ เมื่อดื่มเป็นประจำแล้วต้องควบคุมอาหารไปด้วย อีกทั้งต้องคอยสังเกตว่า หากน้ำตาลลดลงเร็วฉับพลันจนเกิดอาการหน้ามืดใจสั่นเป็นลม ให้รีบกินน้ำหวานหรือผลไม้หวาน ๆ ทันที แล้วสให้หยุดการดื่มหรือกินยาที่ใช้เป็นประขณะนั้น แต่หากใช้ยาสมุนไพรเหล่านี้เป็นประจำจนน้ำตาลในเลือดลดลงเป็นปกติแล้ว ก็หยุดการใช้สมุนไพรเหล่านี้ได้... ลุงหมอ?
แก้ไขล่าสุดโดย ลุงหมอ เมื่อ Sun Apr 17, 2016 3:19 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง