ราคาตลาด ก็น่าสนใจ? ผลผลิต ตากแห้ง เก็บไว้ได้ นานนันปี เป็นไม้ตระกูลปาล์ม - หรือมะพร้าว ทนแล้ง จากปัจจุบัน ประมาณ 300 ต่อ ก.ก. อณาคต 50 บาทก็ ยังน่าพอใจ ละครับ ุเพราะทนแล้ง เหมาะกะที่ ดินปนทราย ขาดน้ำ ลุงหมอเอง อยากได้เม็ด อินทผลัม มาลองๆเพาะดู นะครับ
๑. พันธุ์ Deglet Nour เป็นหนึ่งในสามสายพันธุ์ยอดนิยม
อินทผลัมที่นิยมปลูกเพื่อส่งไปขายยังต่างประเทศหลักๆ นิยมเพื่อส่งออกไปขายมากที่สุดมี ๓ สายพันธุ์ เป็นผลแห้ง ๒ สายพันธุ์ คือ พันธุ์ Medjool , พันธุ์ Deglet Nour พันธุ์ทานผลสด ๑ สายพันธุ์ คือ พันธุ์ Barhi ไปอ่านดูข้อมูลของประเทศหรือบริษัทที่ส่งออกทั้งหลายกล่าวตรงกันว่า ๓ สายพันธุ์นี้นิยมส่งออกมากที่สุด คนรู้จักมากที่สุด หรือแม้แต่ในประเทศไทยเราไปเดินดูพวกกล่องมีเกรดที่นำเข้ามาขาย เห็นแต่พันธุ์พวกนี้มากที่สุด โดยเฉพาะพันธุ์ Deglet Nour จะมากกว่าเพื่อน ส่วนมากมาจากประเทศตูนีเซียและประเทศอิสราเอล
จึงนับได้ว่า พันธุ์ Deglet Nour ไม่ใช่พันธุ์ไม่มีเกรด เป็นพันธุ์ระดับโลกที่นิยมส่งออกของประเทศผู้ปลูกทั้งหลาย และหากจะนับความเป็นเลิศทางสายพันธุ์แล้ว ในวงการอินทผลัมเรียกพันธุ์ "Medjool" ว่าเป็น "ราชาแห่งอินทผาลัม" และเรียกพันธุ์ "Deglet Nour" ว่าเป็น "ราชินีแห่งอินทผลัม"
๒. พันธุ์ Deglet Nour ราคาพอซื้อได้ทานได้
ราคาที่ซื้อขายกันสำหรับผลแห้งของพันธุ์นี้ ไม่ถึงกับแพงมากนัก ราคาที่นำเข้ามาขายในประเทศไทย อยู่ที่ประมาณ ๒๕๐ - ๕๐๐ บาท/กิโลกรัม แล้วแต่ร้านที่ขาย ประเทศที่นำเข้า และเกรดของสินค้า
๓. พันธุ์ Deglet Nour มีรสชาติอร่อย
หากท่านใดเคยทานอินทผลัมหวานๆ คงพอจำรสชาติได้ว่า มันหวานมาก บางครั้งหวานจนแสบคอ แต่ถ้าได้ลองชิมรสชาติของพันธุ์ Deglet Nour แล้ว ท่านจะเห็นความแตกต่างชัดเจน ลักษณะเด่นของผลแห้งมีลักษณะโปร่งใส สีคล้ายน้ำผึ้ง ไม่มันมาก มีความมันปนความหวาน (ลักษณะสีอาจจะคล้ำดำลงไปบ้างหากเก็บไว้นานๆ แต่รสชาติยังคงเดิม ความมันอาจจะลดลงบ้างหากเก็บไว้นานๆ)
๔. พันธุ์ Deglet Nour จากประเทศตูนีเซีย มีชื่อเสียงระดับโลก
หากนับประเทศที่ส่งออกอินทผลัมในทั่วโลกแล้ว ประเทศตูนีเซียถือเป็นประเทศอันดับต้นๆ ที่ปลูกและส่งออกอินทผลัมพันธุ์ Deglet Nour เป็นอันดับต้นๆ ของโลก เท่าที่ไปติดตามดูข้อมูลของบริษัทต่างๆ ที่ส่งออกอินทผลัมและเกษตรกรผู้ปลูกในประเทศนี้แล้ว เห็นว่า ประเทศนี้ไม่ผสมข้ามสายพันธุ์ ยังรักษาเอกลักษณ์ของพันธุ์ Deglet Nour ไว้ เมื่อทดลองทานดูก็ได้รสชาติของพันธุ์นี้
สำหรับเมล็ดที่นำมาเพาะนั้น เป็นการการสั่งผลแห้งแบบกล่อง ๕ กก. นำเข้าจากประเทศตูนีเซีย ซึ่งกล่องแบบนี้จะไม่ค่อยเห็นในท้องตลาดทั่วไป แกะเอาเมล็ดออกมาเพาะเป็นต้นกล้าพันธุ์ต่อไป เรื่องรสชาติถือว่าใช่เลยสำหรับพันธุ์นี้ ท่านที่เคยทานพันธุ์อื่นๆ มา พอได้มาลอง บอกว่า พันธุ์นี้อร่อยมากๆ ไม่หวานมาก มีความมันปนหวาน จะได้จากที่ตากแห้ง หริอสด ที่ทานแล้วก็ได้ละครับ คิดว่าจะทดลองปลูกดู จะสลับกะมะขามเปรี้ยวยักษ์ พอดี มีทีอยู่เกือบ 10 ไร่
แก้ไขล่าสุดโดย ลุงหมอ เมื่อ Thu Jul 11, 2013 8:19 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง