คุณค่าผักสมุนไพรต่าง ๆ*********
1. สะเดา (Neem tree) มีเบต้าแคโรทีนสูง บำรุงสายตา เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้นอนหลับ
2. ผักกาดขาว (Chinese white cabbage) ช่วยระบบย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ แก้ไอ มีโฟเลทสูง บำรุงคุณแม่ตั้งครรภ์
3. ต้นหอม (Shallot) มีน้ำมันหอมระเหย บรรเทาอาการหวัด มีสารฟลาโวนอยด์ต้านมะเร็ง
4. แครอท (Carrot) เบต้าแคโรทีนป้องกันโรคมะเร็ง มีแคลเซียม แพคเตท ลดระดับ คลอเลสเตอรอลได้
5. หอมหัวใหญ่ (Onion) มีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยลดอาการของโรคหัวใจ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
6. คะน้า (Chinese kale) มีแคลเซียมและสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันโรคกระดูกพรุน และมะเร็ง
7. พริก (Chilli) มีแคปไซซินกระตุ้นการขยายตัวของหลอดเลือด ช่วยให้เจริญอาหาร ขับเหงื่อ
8. กระเจี๊ยบเขียว (Okra) ลดความดันโลหิต บำรุงสมอง ลดอาการกระเพาะหรือลำไส้อักเสบ
9. ผักกระเฉด(Water mimosa) ดับพิษไข้ กากใยช่วยระบบขับของเสีย เพิ่มการเผาผลาญสารอาหาร
10. ตำลึง (Ivy gourd) มีวิตามินเอสูง ดีต่อดวงตา เส้นใยจับไนเตรต ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร
11. มะระ (Chinese bitter cucumber) มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เป็นยาระบายอ่อน ๆ น้ำคั้นลดระดับน้ำตาลในเลือด
12. ผักบุ้ง (Water spinach) บรรเทาอาการร้อนใน มีวิตามินเอบำรุงสายตา ธาตุเหล็กบำรุงเลือด
13. ขึ้นฉ่าย (Celery) กลิ่นหอม ช่วยเจริญอาหาร มีวิตามินเอ บี และซี บำรุงสมอง ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด
14. เห็ด (Mushroom) แคลอรีน้อย ไขมันต่ำ มีวิตามินดีสูง ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เสริมกระดูกและฟัน
15. บัวบก (Indian pennywort) มีวิตามินบีสูง ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย บำรุงสมองและความจำ บำรุงผิวพรรณ ลดอาการอักเสบ
16. สะระแหน่ (Kitchen mint) กลิ่นหอมเย็นของใบให้ความสดชื่น ทำให้ความคิดแจ่มใส แก้ปวดหัว
17. ชะพลู (Cha-plu) รสชาติเผ็ดเล็กน้อย แก้จุกเสียด ขับเสมหะ มีแคลเซียมสูง
18. ชะอม (Cha-om) ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ขับลมในลำไส้ มีเส้นใยคอยจับ อนุมูลอิสระ
19. หัวปลี (Banana flower) รสฝาด แก้ร้อนใน กระหายน้ำ และบำรุงน้ำนม มีกากใย โปรตีน และวิตามินซีสูง
20. กระเทียม (Garlic) ลดไขมันในเลือด ป้องกันหัวใจขาดเลือด ใบกระเทียมมีโฟเลท เหล็ก วิตามินซีสูง
21. โหระพา (Sweet basil) น้ำมันหอมระเหยทำให้โล่งจมูก ช่วยระบายลม มีเบต้าแคโรทีน แคลเซียม
22. ขิง (Ginger) บรรเทาอาการหวัดเย็น ลดอาการคัดจมูก รสเผ็ดร้อน แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ
23. ข่า (Galangal) น้ำมันหอมระเหย ช่วยระบบย่อยอาหารขับลม มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา
24. กระชาย (Wild ginger) บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ บำรุงธาตุ มีวิตามินเอและแคลเซียม
25. ถั่วพู (Winged bean)ให้คุณค่าทางอาหารสูง มีโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และสารช่วยย่อยกรดไขมันอิ่มตัว
26. ดอกขจร (Cowslip creeper) กระตุ้นให้รู้รสอาหาร ให้พลังงานสูง ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน
27. ถั่วฝักยาว (Long bean) มีเส้นใย ช่วยลดคอเลสเตอรอล มีวิตามินซี ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก บำรุงเลือด
28. มะเขือเทศ (Tomato) มีวิตามินเอสูง วิตามินซี รสเปรี้ยว ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย และแก้อาการคอแห้ง
29. กะหล่ำปลี (White cabbage) มีกลูโคซิโนเลท เมื่อแตกตัวจะเป็นสารต้านมะเร็ง และมีวิตามินซีสูง
30. มะเขือพวง (Plate brush eggplant) ช่วยให้เจริญอาหารและช่วยลดความดันเลือด มีแคลเซียม และฟอสฟอรัส
31. ผักชี (Chinese paraley) ขับลม บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร มีน้ำมันหอมระเหย แก้หวัด มีวิตามินเอและซีสูง
32. กุยช่าย (Flowering chives) มีกากใยช่วยระบายของเสีย มีธาตุเหล็กช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง
33. ผักกาดหัว (Chinese radish) แก้ไอ ขับเสมหะ เพิ่มภูมิต้านทางโรค มีสารช่วยให้กระเพาะอาหารและลำไส้บีบตัวได้ดี
34. กะเพรา (Holy basil) แก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง มีเบต้าแคโรทีนสูง ป้องกันโรคมะเร็ง และโรคหัวใจขาดเลือดได้
35. แมงลัก (Hairy basil) ช่วยย่อยอาหาร ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ขับลม ขับเหงื่อ
36. ดอกแค (Sesbania) กินแก้ไขช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง เป็นยาระบายอ่อน ๆ มีวิตามินเอสูง บำรุงสายตา
สมุนไพรดี ๆ มีฤทธิ์ช่วยย่อย
******************
สมุนไพรไทยทุกชนิดมีสรรพคุณเป็นยาทั้งนั้น สำหรับคนที่ท้องอืดเป็นประจำ สมุนไพร 7 อย่างนี้คือของดีคู่ครัวที่คุณควรลอง
ใบกะเพรา ตัวยาในใบกะเพราจะกระตุ้นร่างกายให้ขับน้ำดีออกมาช่วยย่อยอาหาร ทำให้ลดอาการท้องอืดไปได้ คนที่ชอบเขี่ยใบกะเพราทิ้งถึงเวลาคิดใหม่ได้แล้ว
พริกสด ในน้ำลายของคนเรามีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยอาหารได้ และพริกนี่ล่ะจะเป็นพระเอกที่กระตุ้นร่างกายให้หลั่งน้ำลายออกมากๆ นอกจากนี้ความเผ็ดร้อนของพริกจะทำให้ระบบเผาผลาญทำงานดี และช่วยขับลมซึ่งเป็นตัวการทำให้ท้องอื
กระเทียม กระเทียมมีสรรพคุณหลายอย่างทั้งช่วยย่อย เพิ่มน้ำย่อยให้มากขึ้น และแก้อาการปวดท้องเนื่องจากอาหารไม่ย่อยด้วย สำหรับคนที่มักจะจุกเสียดแน่นท้อง แค่เอากลีบในของกระเทียมสด 5 กลีบมาปอกเปลือก ซอยให้ละเอียด แล้วกินหลังอาหารทุกมื้อ โรคจุกเสียดของคุณจะค่อยๆ หายไป
หอมแดง หอมแดงมีสารอาหารผู้ช่วยของระบบย่อยอยู่หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นฟลาโวนอยด์ โคไซด์ เพคติน และกลูโคคินิน กินแล้วระบบย่อยจะแฮปปี้เพราะมีตัวช่วยเพียบเลย
ข่า ในข่ามีตัวยาที่ช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำดี ซึ่งมีหน้าที่ย่อยอาหารที่เรากินเข้าไป คนไทยเราอาจจรู้จักข่ามานานแล้ว แต่หาคนที่ชอบกินข่าไม่ค่อยได้ เพราะสมุนไพรชนิดนี้แข็ง เคี้ยวยาก แต่สาวๆ ก็สามารถทำให้มันเคี้ยวง่ายขึ้นด้วยการเอามาซอยบางๆ แล้วเอาไปคลุกกับยำรสแซบของโปรดของคุณ แค่นี้ก็เคี้ยวเพลินได้แล้ว
ตะไคร้ นี่ก็ของดีช่วยย่อยอีกอย่างหนึ่ง ตะไคร้มีสารที่จะกระตุ้นน้ำดีให้ออกมาย่อยอาหาร ทำให้ไม่เหลืออาหารไว้ให้แน่นท้อง คนที่ไม่ชอบเคี้ยวตะไคร้จะเอาไปต้มกินเป็นน้ำตะไคร้ก็เวิร์ค
ใบแมงลัก ในความหอมของใบแมงลักมีน้ำมันหอมระเหยที่มีฤทธิ์ช่วยย่อยอาหาร แถมยังช่วยให้อารมณ์ และจิตใจผ่อนคลายอีกด้วย ของดีคูณสองอย่างนี้ไม่กินไม่ได้แล้ว
อาหารที่มีคอลลาเจนสูง
********************
คอลลาเจน มีคุณสมบัติช่วยในการเติมเต็มริ้วรอยต่างๆ ที่เกิดกับผิวของเรา ซึ่งเรามักจะเคยได้ยินโฆษณาผลิตภัณฑ์ครีมทาผิวต่างๆ ที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน แต่รู้หรือไม่
เราไม่จำเป็นต้องหาซื้อครีมราคาแพงเหล่านี้มาใช้ก็ได้ แต่อาหารบ้านเราหลายๆอย่างก็มีส่วนผสมของคอลลาเจนอยู่เยอะเหมือนกัน เพียงแค่เราทานอาหารพวกนี้บ่อยๆ ก็เป็นการเพิ่มคอลลาเจนให้แก่ร่างกายได้ มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
อาหารที่มีคอลลาเจนสูง ก็จะมี ปลาทู ทูน่า ปลากระเบน ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล กระดูกปลา กระดูกอ่อนไก่ กระดูกหมู
ผักผลไม้ที่มีคอลลาเจนสูง ก็จะมี มะกอก ส้มโอ แก้วมังกร แอปเปิ้ล เห็ดเข็มทอง เห็ดหูหนู หัวบุก ถั่งเหลือง แตงกวา ขึ้นฉ่าย และสาหร่ายทะเล
รู้อย่างนี้แล้ว ไม่ควรพลาด รีบหาอาหารและผลไม้เหล่ามาติดตู้เย็นไวทานทุกวันก็ดีนะคะ เป็นการเพิ่มคอลลาเจนให้แก่ร่างกาย ช่วยให้ใบหน้าเต่งตึง สวยใสได้ โดยไม่ต้องพึ่งครีมคอลลาเจนราคาแพงเลยล่ะค่ะ อิ่มด้วยสวยด้วยแบบนี้คุ้มค่าค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย ตุ๊ก บึ่งกุ่ม เมื่อ Fri Jun 08, 2012 3:50 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง