เป็นเบาหวาน มานาน ลองอบเชย?
*-* ชินนามอน ออยล์ นั้นมีสารสำคัญ คือ ชินนามิค อัลดีไฮด์ (cinnamic aldehyde) ซึ่งเป็นตัวให้รสชาติเผ็ดร้อนและกลิ่นเฉพาะตัวในอบเชย รวมถึงมีสารแทนนิน (tannin) แก้ท้องร่วง ช่วยขับลม แก้อาการจุกเสียด แน่นท้อง และสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดก็คือ Methylhydroxy Chalcone Polymer หรือ MHCP ซึ่งจากการวิจัยพบว่ามีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งมีบทบาทในการนำพาน้ำตาลมาเก็บสะสมในตับและเนื้อเยื่อเพื่อไว้ใช้เป็นพลังงานสำรอง จึงมีผลทำให้ไม่มีน้ำตาลส่วนเกินอยู่ในเลือด
- ซึ่งหากเลือดมีน้ำตาลมากก็จะส่งผลให้เลือดข้นหนืด ไหลเวียนไม่ดี นำมาซึ่งความผิดปกติต่างๆ ที่สำคัญคือทำให้มีความดันโลหิตสูง เนื่องจากหัวใจต้องทำงานหนักในการสูบฉีดเลือดที่ข้นหนืดนั้น ทำให้หัวใจต้องเพิ่มแรงบีบตัวเพื่อที่จะสูบฉีดเลือดเพื่อให้ไหลไปเลี้ยงได้ทั่วร่างกาย อบเชยจึงช่วยลดความดันโลหิตได้ด้วย
- ชื่อ จตุวาตะผล ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า วาตะ ซึ่งหมายถึงลม จึงเป็นพิกัดที่ใช้แก้อาการผิดปกติที่เกิดจากลม เช่น แก้ลมพรรดึก (อาการที่มีลมคั่งค้างอยู่ในท้องมาก ทำให้อุจจาระแข็ง เกิดอาการท้องผูก) ช่วยให้ขับผายลม เป็นต้น ใช้ร่วมกับเหง้าขิง กระลำพัก โกฐหัวบัว
- พิกัดตรีธาตุ สรรพคุณแก้อาการเนื่องมาจากลมเช่นเดียวกัน ใช้ร่วมกับดอกจันทน์และกระวาน แก้ลมวิงเวียน แก้เสมหะ แก้ไข้ แก้ธาตุพิการ (มีอาการท้องอืดเฟ้อ เรอมาก)
จะเห็นได้ว่าอบเชยนั้นอยู่ในพิกัดยาไทยเพื่อใช้ขับลมเสียเป็นส่วนใหญ่ จึงมีการนำอบเชยมาทำเป็น ยาธาตุอบเชย อีกด้วย มีสรรพคุณขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ใช้อบเชยเทศเป็นตัวยา และมีส่วนประกอบอื่นเพิ่มเติมอีก คือ กระวาน กานพลู ชะเอมเทศ เปลือกสมุลแว้ง การบูร เกล็ดสะระแหน่ เป็นยาน้ำ ทานครั้งละ 15-30 มิลลิลิตร หลังอาหาร 3 เวลา
*-* ไม่เพียงแต่คนไทยเท่านั้นที่นำอบเชยมาทำเป็นยา คนจีนเองก็ใช้อบเชยเป็นยาในการบำรุงธาตุไฟในระบบไต ม้าม หัวใจ และตับมาเนิ่นนานแล้ว โดยใช้กับอาการท้องเสีย อาหารไม่ย่อย กระเพาะอาหารอักเสบ ไข้หวัดที่เกิดจากความเย็น เป็นต้น
*-* ชินนามอน ออยล์ นั้นมีสารสำคัญ คือ ชินนามิค อัลดีไฮด์ (cinnamic aldehyde) ซึ่งเป็นตัวให้รสชาติเผ็ดร้อนและกลิ่นเฉพาะตัวในอบเชย รวมถึงมีสารแทนนิน (tannin) แก้ท้องร่วง ช่วยขับลม แก้อาการจุกเสียด แน่นท้อง และสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดก็คือ Methylhydroxy Chalcone Polymer หรือ MHCP ซึ่งจากการวิจัยพบว่ามีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งมีบทบาทในการนำพาน้ำตาลมาเก็บสะสมในตับและเนื้อเยื่อเพื่อไว้ใช้เป็นพลังงานสำรอง จึงมีผลทำให้ไม่มีน้ำตาลส่วนเกินอยู่ในเลือด
- ซึ่งหากเลือดมีน้ำตาลมากก็จะส่งผลให้เลือดข้นหนืด ไหลเวียนไม่ดี นำมาซึ่งความผิดปกติต่างๆ ที่สำคัญคือทำให้มีความดันโลหิตสูง เนื่องจากหัวใจต้องทำงานหนักในการสูบฉีดเลือดที่ข้นหนืดนั้น ทำให้หัวใจต้องเพิ่มแรงบีบตัวเพื่อที่จะสูบฉีดเลือดเพื่อให้ไหลไปเลี้ยงได้ทั่วร่างกาย อบเชยจึงช่วยลดความดันโลหิตได้ด้วย
- ชื่อ จตุวาตะผล ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า วาตะ ซึ่งหมายถึงลม จึงเป็นพิกัดที่ใช้แก้อาการผิดปกติที่เกิดจากลม เช่น แก้ลมพรรดึก (อาการที่มีลมคั่งค้างอยู่ในท้องมาก ทำให้อุจจาระแข็ง เกิดอาการท้องผูก) ช่วยให้ขับผายลม เป็นต้น ใช้ร่วมกับเหง้าขิง กระลำพัก โกฐหัวบัว
- พิกัดตรีธาตุ สรรพคุณแก้อาการเนื่องมาจากลมเช่นเดียวกัน ใช้ร่วมกับดอกจันทน์และกระวาน แก้ลมวิงเวียน แก้เสมหะ แก้ไข้ แก้ธาตุพิการ (มีอาการท้องอืดเฟ้อ เรอมาก)
จะเห็นได้ว่าอบเชยนั้นอยู่ในพิกัดยาไทยเพื่อใช้ขับลมเสียเป็นส่วนใหญ่ จึงมีการนำอบเชยมาทำเป็น ยาธาตุอบเชย อีกด้วย มีสรรพคุณขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ใช้อบเชยเทศเป็นตัวยา และมีส่วนประกอบอื่นเพิ่มเติมอีก คือ กระวาน กานพลู ชะเอมเทศ เปลือกสมุลแว้ง การบูร เกล็ดสะระแหน่ เป็นยาน้ำ ทานครั้งละ 15-30 มิลลิลิตร หลังอาหาร 3 เวลา
*-* ไม่เพียงแต่คนไทยเท่านั้นที่นำอบเชยมาทำเป็นยา คนจีนเองก็ใช้อบเชยเป็นยาในการบำรุงธาตุไฟในระบบไต ม้าม หัวใจ และตับมาเนิ่นนานแล้ว โดยใช้กับอาการท้องเสีย อาหารไม่ย่อย กระเพาะอาหารอักเสบ ไข้หวัดที่เกิดจากความเย็น เป็นต้น