กล้วยไข่จะมีเบต้าแคโรทีนมากที่สุด
ยาง – ช่วยในการสมานแผล ห้ามเลือด ให้รสฝาด
ผลดิบ – ใช้ชงน้ำร้อนหรือบดเป็นผงรับประทาน ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร และท้องเสียเรื้อรัง ให้รสฝาด
ผลสุก – ช่วยบำรุงกำลัง เป็นยาระบาย และรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ให้รสหวาน
หัวปลี – ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด แก้โรคกระเพาะอาหารและลำไส้ และโรคโลหิตจาง ให้รสฝาด
ใบ – ใช้ต้มอาบแก้ผดผื่นคัน หรือนำไปปิ้งไฟปิดทับบาดแผลไฟไหม้ ให้รสจืด
ราก – นำไปต้มดื่มแก้ไข้ ร้อนใน กระหายน้ำ ช่วยสมานภายใน แก้บิด ผื่นคัน ท้องเสีย ให้รสฝาดเย็น
หยวก – นำไปเผาไฟรับประทานช่วยในการขับถ่ายพยาธิ ให้รสฝาดเย็น
เหง้า – ช่วยรักษาแผลภายในบริเวณทวารหนัก หรือปรุงเป็นยาแก้ริดสีดวงทวารแบบมีเลือดออก ให้รสฝาดเย็น
100 กรัม กล้วยไข่จะมีเบต้าแคโรทีนมากที่สุดถึง 492 ไมโครกรัม ขณะที่กล้วยน้ำว้าและกล้วยหอมมีเพียง 9 ไมโครกรัม เท่านั้น
นอกจากนี้ กล้วยไข่ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มาก ซึ่งสารนี้สามารถป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็งและยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ฃร้ายได้ และมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับสุภาพสตรีคือลดริ้วรอยก่อนวัยได้
กล้วยไข่ของไทยยังถูกจัดว่าเป็นกล้วยที่มีรสชาติหวานหอมอร่อยที่สุดในโลก ซึ่งมีการปลูกที่จังหวัดกำแพงเพชรและในเดือน 10 ของทุกปีจะมีงานสารทไทยกล้วยไข่เมืองกำแพง มีการกวนกระยาสารทกระทะหลวง ซึ่งอนุรักษ์ประเพณีนี้ไว้ที่จังหวัดกำแพงเพชรทีเดียว
ประโยชน์ของกล้วยไข่ ยังมีอีกมาก เช่น ป้องกันโรคโลหิตจาง ป้องกันโรคท้องผูก ป้องกันลำไส้เป็นแผล ป้องกันความเครียดและเส้นเลือดฝอยแตก โรคความดันโลหิตสูง บำรุงระบบประสาท ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย เป็นต้น *-*
ยาง – ช่วยในการสมานแผล ห้ามเลือด ให้รสฝาด
ผลดิบ – ใช้ชงน้ำร้อนหรือบดเป็นผงรับประทาน ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร และท้องเสียเรื้อรัง ให้รสฝาด
ผลสุก – ช่วยบำรุงกำลัง เป็นยาระบาย และรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ให้รสหวาน
หัวปลี – ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด แก้โรคกระเพาะอาหารและลำไส้ และโรคโลหิตจาง ให้รสฝาด
ใบ – ใช้ต้มอาบแก้ผดผื่นคัน หรือนำไปปิ้งไฟปิดทับบาดแผลไฟไหม้ ให้รสจืด
ราก – นำไปต้มดื่มแก้ไข้ ร้อนใน กระหายน้ำ ช่วยสมานภายใน แก้บิด ผื่นคัน ท้องเสีย ให้รสฝาดเย็น
หยวก – นำไปเผาไฟรับประทานช่วยในการขับถ่ายพยาธิ ให้รสฝาดเย็น
เหง้า – ช่วยรักษาแผลภายในบริเวณทวารหนัก หรือปรุงเป็นยาแก้ริดสีดวงทวารแบบมีเลือดออก ให้รสฝาดเย็น
100 กรัม กล้วยไข่จะมีเบต้าแคโรทีนมากที่สุดถึง 492 ไมโครกรัม ขณะที่กล้วยน้ำว้าและกล้วยหอมมีเพียง 9 ไมโครกรัม เท่านั้น
นอกจากนี้ กล้วยไข่ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มาก ซึ่งสารนี้สามารถป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็งและยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ฃร้ายได้ และมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับสุภาพสตรีคือลดริ้วรอยก่อนวัยได้
กล้วยไข่ของไทยยังถูกจัดว่าเป็นกล้วยที่มีรสชาติหวานหอมอร่อยที่สุดในโลก ซึ่งมีการปลูกที่จังหวัดกำแพงเพชรและในเดือน 10 ของทุกปีจะมีงานสารทไทยกล้วยไข่เมืองกำแพง มีการกวนกระยาสารทกระทะหลวง ซึ่งอนุรักษ์ประเพณีนี้ไว้ที่จังหวัดกำแพงเพชรทีเดียว
ประโยชน์ของกล้วยไข่ ยังมีอีกมาก เช่น ป้องกันโรคโลหิตจาง ป้องกันโรคท้องผูก ป้องกันลำไส้เป็นแผล ป้องกันความเครียดและเส้นเลือดฝอยแตก โรคความดันโลหิตสูง บำรุงระบบประสาท ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย เป็นต้น *-*