yodnoy92 พิมพ์ว่า:
สวัสดีลุงหมอ
1-**ขอบคุณครับที่ให้ Idea ผมกำลังหาข้อมูลอยู่ครับ
2*-ผมไปตรวจ(ใหญ่)เลือดผลออกมาเมื่ออ่านข้อความที่ลุงหมอลุงในเวบแล้วก็ไม่ตื่นเต้นถึงแม้บางตัวจะเกินพิกัด
1) Cholesterol 212 ควรจะเป็น -30-200
2) LDL-Calculated 138H 130
3) Potassium(K+) 5.6H 3.5-5.1
4) Bicarbonate(HCO3) 31 22-29
จากที่ผมอ่านข้อความที่ลุงหมอ โพส บนเวบ ข้อ 1 และ ข้อ 2 น่าจะ โอเค
ส่วน ข้อ3 Potassium ผมไม่แน่ใจว่า เกินไป 0.5 จะซีเรียสไหม อาการของผมน่าจะเป็นโรคหัวใจเพราะมีอาการเจ็บและอาการสั่นที่หัวใจเป็นบางครั้งแต่หมอหาไม่เจอเพราะเขาเช็คแค่ อัลตาซาวน์ และมันปกติ
หมอให้ผมลดผักและผลไม้ที่มีโปรตัสเซียมสูงผมพยายามลดแล้ว แต่ผลออกมามันไม่ลดแสดงว่าโปตัสเซียมสูงจากน้ำเอ็นไซม์แน่เลยเพราะผมดื่มทุกวัน วันละอย่างน้อย 1 ลิตร
ส่วน ข้อ 4 หมอไม่ได้พูดถึงผมเลยไม่รุ้ว้ามีผลอย่างไรหรือไม่
ลุงหมอช่วยออกความเห็นหน่อยครับ
จากที่ผมอ่านข้อความที่ลุงหมอ โพส บนเวบ ข้อ 1 และ ข้อ 2 น่าจะ โอเค? ...
ส่วน ข้อ3 Potassium ผมไม่แน่ใจว่า เกินไป 0.5 จะซีเรียสไหม อาการของผมน่าจะเป็นโรคหัวใจเพราะมีอาการเจ็บและอาการสั่นที่หัวใจเป็นบางครั้งแต่หมอหาไม่เจอเพราะเขาเช็คแค่ อัลตาซาวน์ และมันปกติ
โปแตส เกินเล็กน้อย? ทำปุ๋ย ดีจัง 5555+ ประโยชน์ของโพแทสเซียม
โพแทสเซียมและอิเล็กโตรไลต์ชนิดอื่นๆ ช่วยในการนำกระแสประสาท ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจและความดันเลือด โพแทสเซียมยังควบคุมปริมาณของเหลวภายในเซลล์ ขณะที่โซเดียมควบคุมปริมาณของเหลวภายนอกเซลล์ แร่ธาตุ 2 ชนิดนี้จึงทำงานร่วมกันเพื่อรักษาสมดุลของของเหลวในร่างกาย
นอกจากนี้โพแทสเซียมยังช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนน้ำตาล (กลูโคส) ในเลือด ไปเป็นพลังงานสะสม (ไกลโคเจน) ในกล้ามเนื้อและตับ โพแทสเซียมเป็นสารขับปัสสาวะธรรมชาติ จึงช่วยขับสารพิษที่เกิดจากการเผาผลาญพลังงานด้วย
โพแทสเซียม จะทำงานร่วมกับ ธาตุโซเดียม ในการควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกายและช่วยทำให้หัวใจเต้นเป็นปกติ โดยความเครียดทางด้านร่างกายและจิตใจ อาจส่งผลให้ขาดโพแทสเซียมได้ หากโพแทสเซียมและโซเดียมในร่างกายเสียสมดุลจะทำให้การทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อเสียไป ไฮโปไกลซีเมีย (ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ) จะส่งผลให้ร่างกายสูญเสียโพแทสเซียมได้ เหมือนกับการอดอาหารเป็นเวลานาน ท้องร่วงอย่างรุนแรง
โยเกิร์ต ผลไม้รสเปรี้ยว กล้วย ลูกพีช มันฝรั่ง แคนตาลูป มะเขือเทศ ผักวอเตอร์เครส ผักใบเขียวทุกชนิด สะระแหน่ เมล็ดทานตะวัน ถั่ว เป็นต้น Dผลเสียของการรับประทานโพแทสเซียมเกินขนาด ร่างกายอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ หากรับประทานในปริมาณตั้งแต่ 18 กรัมขึ้นไป และโรคจากการขาดโพแทสเซียม ได้แก่อาการบวม และภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (ไฮโปไกลซีเมีย)
สำหรับศัตรูของธาตุโพแทสเซียม ก็ได้แก่ น้ำตาล กาแฟ แอลกอฮอล์ และยาขับปัสสาวะ? หลีกๆหน่อย ละกัน ถ้าเกิน เราก็ ทานได้จ้า น้ำหมัก ถ้าเราผสม เจือจาง ไม่เกิน 1 ฝา ต่อน้ำ 1.5 ลิตร ก็ ไม่มีผลเสียครับ อย่าคิดมาน่า *-*
หมอให้ผมลดผักและผลไม้ที่มีโปรตัสเซียมสูงผมพยายามลดแล้ว แต่ผลออกมามันไม่ลดแสดงว่าโปตัสเซียมสูงจากน้ำเอ็นไซม์แน่เลยเพราะผมดื่มทุกวัน วันละอย่างน้อย 1 ลิตร
ก็คุมอาหารไป ละครับ
ส่วน ข้อ 4 หมอไม่ได้พูดถึงผมเลยไม่รุ้ว้ามีผลอย่างไรหรือไม่ ?
การปรับการขับทิ้งกรดที่ไต
ไตเป็นปราการด่านสุดท้ายที่ตอบสนองต่อความผิดปกติของกรดหรือด่างได้ดีที่สุด เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงค่าของ pCO2 ในพลาสมา ไตจะปรับอัตราการขับทิ้ง HCO3- และกรด ซึ่งต้องใช้เวลานานหลายวัน ในการตอบสนองให้สมบูรณ์
ในภาวะ acidosis ( [H+] หรือ pCO2 เพิ่มขึ้น ) ไตจะเพิ่มการหลั่ง H+ และเพิ่มการดูดกลับ HCO3- ที่กรองมากขึ้น การสร้าง HCO3- ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย จึงมีผลทำให้ HCO3- ในพลาสมาเพิ่มขึ้น
ในภาวะ alkalosis ( [H+] หรือ pCO2 ลดลง ) การหลั่ง H+ ที่ท่อไตจะถูกยับยั้งและการดูดกลับของ HCO3- ลดลง ทำให้พบ HCO3- ในปัสสาวะ ทำให้ HCO3- ในพลาสมาลดลง
pH ของเลือด จะถูกควบคุมให้มีค่าอยู่ในช่วงแคบๆ คือ 7.35 – 7.45 ถ้า pH ของเลือดต่ำกว่าช่วงนี้ จะเกิดภาวะ acidosis แต่ถ้า pH สูงกว่าช่วงนี้ จะเกิดภาวะ alkalosis ในภาวะที่เป็น acidosis และ alkalosis ถ้าเป็นการเปลี่ยนแปลงของ HCO3- เป็นสาเหตุหลัก จะเรียกว่า metabolic disorder หรือ ถ้า pCO2 เป็นสาเหตุหลัก จะเรียกว่า respiration disorder
2.1 ภาวะกรดจากเมตาบอลิซึม ( metabolic acidosis )
เป็นภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเมตาบอลิซึมทำให้มีการสร้างกรดมากขึ้น หรือร่างกายไม่สามารถกำจัดกรดได้ หรือมีการสูญเสียไบคาร์บอเนตมาก ทำให้เลือดเป็นกรด ผู้ป่วยมี HCO3- < 22 mmol/L ร่างกายมีการปรับชดเชยโดยเพิ่ม การหายใจ เพื่อปรับ CHO3- / pCO2 และ pH มีค่าสูงขึ้น
(1) สาเหตุของภาวะกรดจากเมตาบอลิซึม
(1.1) ภาวะกรดจากเมตาบอลิซึมที่มีแอนไอออนแก็ปกว้าง พบใน
- diabetic ketoacidosis จากการที่ร่างกายขาดฮอร์โอนอินซูลิน ทำให้เกิดกรดอินทรีย์ในอัตราที่มากเกิน เช่น กรดคีโต ( keto acid ) กรดอะซิโตอะซิติค
- ภาวะอดอาหาร หรือขาดอาหาร หรือในภาวะติดเชื้อ มีไข้สูง ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ทำให้ร่างกายมี การเมตาบอลิซึมสูง เกิดการนำอาหารโปรตีนและไขมันมาใช้เป็นพลังงานเพิ่มมากกว่าปกติ เกิดกรดอินทรีย์มากขึ้น
- ภาวะช็อก ภาวะชัก ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน กรดแลคติกสูง ออกซิไดซ์เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ไม่ทัน ทำให้กรดแลคติกในเลือดสูง นอกจากนี้การออกกำลังกายอย่างมากทำให้มีการสร้างกรดแลคติกมากเช่นกัน
- ได้รับกรดจากอาหารหรือยา เช่นอาหารที่มีกรดบอริก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยาซาลิไซเลต เป็นต้น
ร่างกายปรับ กรด ด่าง ในเลือด และจากลมหายใจ + อาหารที่ทาน จะขึ้นลงโดยธรรมชาติ ไม่เป็นไรครับ เรามี เอนไซน์ ช่วยปรับความสมดุล อยู่ในตัว ละไงครับ เมื่อคุมอาหารแล้ว ควรงดน้ำเย็น น้ำมันพืชโรงงานใช้น้ำมันสัตว์แทน งดน้ำตาลทราย ละเอียดลงไป งดสัตว์ที่วาจาก ฟาร์มละ เคมี อาหารเร่งโต อันตรายครับ